อบรมโฟล์คลิฟท์ เพื่อเรียนรู้ การป้องกันอุบัติเหตุรถโฟล์คลิฟท์อย่างถูกต้อง
ปัจจุบันรถยกถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากรถโฟล์คลิฟท์ช่วยให้สามารถทำงานได้ง่าย ประหยัดเวลา และทำให้สามารถขนย้ายผลผลิตได้ตามความต้องการ ผู้ปฏิบัติงานกับโฟล์คลิฟท์ ต้องผ่านการ อบรมโฟล์คลิฟท์ ตามที่กฎหมายกำหนด แต่รถโฟล์คลิฟท์เหล่านี้สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ หากผู้ใช้งานใช้ไม่ถูกวิธีและ ไม่มีความรู้
ทำไมต้อง อบรมโฟล์คลิฟท์ ?
อุบัติเหตุจากรถยกโฟล์คลิฟท์ที่พบบ่อยที่สุดคืออะไร
อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์อาจมีเกิดขึ้นบ่อยทั้งอุบัติเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรืออุบัติเหตุที่ทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งอุบัติเหตุจากรถยกที่นำไปสู่การเสียชีวิต มักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
-
- รถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำ
- รถโฟล์คลิฟท์ชนคนเดินเท้า
- รถโฟล์คลิฟท์ทับคนงาน
- ผู้ขับขี่ตกจากรถโฟล์คลิฟท์
นอกจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็ยังมีอุบัติเหตุประเภทอื่นๆ อีก เช่น
- รถโฟล์คลิฟท์ชนสิ่งของ
- สิ่งของที่ตกลงมาระหว่างการยก
- รถยกตกจากท่าเทียบเรือหรือรถพ่วง
- ความล้มเหลวทางกลหรือระบบการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพีงส่วนหนึ่ง การขับรถยกด้วยความเร็วก็ถือว่าเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเราขับรถโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
อันตรายจากการขับโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็วมีดังนี้
- ความสามารถในการตอบสนองของผู้ขับจะลดลงและทำให้เกิดความผิดพลาดในการควบคุมได้ง่าย
- ระยะเบรคขยายออกไปและไม่สามารถหยุดรถได้ทันเมื่อจำเป็นต้องจอดรถ
- ทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่ายเมื่อขับด้วยความเร็ว
- ผู้ขับมักจะไม่สนใจคนที่เดินไปมา มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะชนกับคนที่เดินไปมาหรือสิ่งกีดขวางในบริเวณนั้น
อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์เกิดขึ้นได้อย่างไร
รถยกมีน้ำหนักมากและสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นอันตรายหากผู้ใช้งานใช้งานไม่ถูกต้อง เนื่องจากรถยกมีเฉพาะเบรคหน้าและมักจะบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนัก จึงไม่สามารถหยุดรถได้ทันทีแม้จะใช้ความเร็วปกติ เมื่อเลี้ยวรถยกจะใช้ล้อหลังและทำให้ส่วนหลังของรถแกว่งออกไปด้านนอก การทำงานที่ไม่เหมาะสมอาจจะนำไปสู่การกระดกของรถยก โดยเฉพาะหากเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินไปในขณะเลี้ยว เนื่องจากบรรทุกสิ่งของอยู่ที่ด้านหน้าของรถยก การทำเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของคนขับ
และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลในด้านความปลอดภัยถึงแม้ว่าจะใช้งานอย่างถูกต้องก็ตามผู้ปฏิบัติงานต้องระมัดระวังและปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยเนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุจากรถยกคือความผิดพลาดที่เกิดจากคนผู้ขับขี่ไม่ควรเพิ่มความเร็วบรรทุกน้ำหนักเกินหรือให้ผู้อื่นโดยสารจะต้องระมัดระวังสิ่งรอบข้างอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีคนอื่นปฏิบัติงานอยู่
อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างไร
- การฝึกอบรมโฟล์คลิฟท์ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยตามข้อกำหนดของกฎหมาย เกี่ยวกับการใช้รถยกแต่ละประเภท ความปลอดภัยในการขับรถยก การตรวจสอบและบำรุงรักษารถยก เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
- การนำไปปฏิบัติผู้ขับขี่รถยกไม่เพียงแต่ต้องผ่านการฝึกอบรมเท่านั้น แต่ต้องนำสิ่งที่อบรมมาไปใช้ในการปฏิบัติงานในทุกวันอีกด้วย ซึ่งข้อ
กำหนดของ OSHA สำหรับการทำงานที่ปลอดภัย ได้แก่
-
- ควรจำกัดความเร็วเพื่อให้สามารถหยุดรถยกได้ในระยะที่ปลอดภัย
- ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วลงและบีบแตรเมื่อถึงทางข้ามหรือสถานที่ที่อาจบดบังการมองเห็น
- การปฏิบัติงานต้องมองไปข้างหน้าและต้องมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจน
- ควรยกสิ่งของสูงเท่าที่กำหนดและทางโล่ง
- ควรยกสิ่งของเอียงไปด้านหลังเพื่อป้องกันการเลื่อนของสิ่งที่ยก
- ไม่ควรยกงาขึ้นลง ในขณะเคลื่อนตัวรถ
- ผู้ที่ขับขี่ได้ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น
- ไม่ควรขับรถยกไปยังสถานที่ที่มีคนเดินหรือมีคนยืนอยู่หน้าสิ่งของที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
- การตรวจสอบและบำรุงรักษารายวัน
OSHA กำหนดให้รถโฟล์คลิฟท์ทุกคันได้รับการตรวจก่อนการใช้งานทุกวัน ควรตรวจสอบรถยกก่อนและหลังการใช้งานของแต่ละกะ ซึ่งอาจหมายถึงการตรวจสอบหลายครั้งต่อวันหากปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงผู้ปฏิบัติงานจะต้อง อบรมโฟล์คลิฟท์ และ รายงานข้อบกพร่องและแก้ไขก่อนการใช้งาน เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
สรุป
อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากผู้ปฏิบัติงานไม่มีความรู้หรือไม่นำความรู้ที่ได้ฝึกอบรมโฟล์คลิฟท์ไปปฏิบัติงานเพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการกระทำของคนจึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยและควบคุมดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด