เครื่องตัดแก๊ส คืออะไร เอาไว้ใช้ในการทำงานแบบไหน
เครื่องตัดแก๊ส คือ การตัดด้วยออกซิเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีการทางอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากในกระบวนการตัดต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันนี้เครื่องตัดแก๊สก็มีมากมายหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกใช้กัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ วิธีการใช้งาน รวมไปถึงข้อดีละข้อเสียก็แตกต่างกันออกไปตามแต่ละรูปแบบการทำงาน
- โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้เครื่องตัดแก๊สได้รับความนิยมอย่างมากในการใช้ตัดวัสดุ นั่นเพราะว่าเครื่องตัดแก๊สนั้นสามารถตัดวัสดุที่มีความหนาตั้งแต่ 0.5 มิลลิเมตร ไปจนถึง 250 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ต้นทุนในการใช้งานเครื่องตัดแก๊สก็ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวิธีการตัดประเภทอื่น ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ในโรงงานอุตสาหกรรมหลาย ๆ แห่งจะเลือกใช้เครื่องตัดแก๊ส หรือ Gas Cutting
กระบวนการและขั้นตอนการทำงานของเครื่องตัดแก๊ส
โดยพื้นฐานแล้ว กระบวนการทำงานและขั้นตอนการทำงานของเครื่องตัดแก๊สนั้นค่อนข้างง่ายและไม่ซับซ้อน โดยหลัก ๆ แล้วเครื่องตัดแก๊สจะมีหัวฉีดที่ปล่อยตั้งแก๊สออกซิเจน และแก๊สต่าง ๆ ออกมาได้ สามารถควบคุมการปล่อยของแก๊สต่าง ๆ ภายในหัวฉีดเดียวได้อย่างอิสระ ทั้งออกวิเจนและแก๊สที่ทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลง
ขั้นตอนแรก ชิ้นส่วนโลหะหรือวัสดุที่คุณต้องการจะตัด จะถูกทำให้ร้อนโดยใช้ส่วนผสมของแก๊สและออกซิเจน ซึ่งมีความร้อนประมาณ 700 – 900 องศา ฉีดเข้าไปบริเวณที่ต้องการจะตัด แม้ว่าความร้อนในระดับนี้จะไม่ถึงขั้นทำให้ขาดหรือละลาย แต่ก็ร้อนเพียงพอสำหรับขั้นตอนต่อไป
หลังจากที่ทำให้วัสดุมีความร้อนแล้ว หัวฉีดก็จะฉีดออกซิเจนลงไปยังบริเวณที่กำลังร้อน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างชิ้นวัสดุและออกซิเจน ซึ่งจะทำให้ขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง
องค์ประกอบสำคัญในการใช้งาน เครื่องตัดแก๊ส
- ความเจือจางของออกซิเจน ควรน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของกระบวนการตัด
- อุณหภูมิของชิ้นโลหะ หรือวัสดุที่ต้องการจะตัด จะต้องต่ำกว่าจุดหลอมเหลว เพื่อให้กระบวนการตัดสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วัสดุต่าง ๆ นั้นมีระดับจุดหลอมเหลวและจุดเดือดที่แตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องมีการปรับตัวเครื่อง ปรับอุณหภูมิ และปัจจัยต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของวัสดุเหล่านั้น
5 ประเภทของแก๊สที่ใช้ในกระบวนการตัด
- แก๊สธรรมชาติ เป็นแก๊สที่มีประสิทธิภาพต่ำที่สุดในบรรดาแก๊สทั้งหมด มีระดับการกระจายความร้อนอยู่ที่ 1,490 kj/m^3 ซึ่งน้อยกว่าการประเภทอื่น ๆ มากกว่าสิบเท่า มีความเร็วในการเจาะที่ช้าที่สุด และมีอุณหภูมิต่ำที่สุดอยู่ที่ 2,770 องศาเซลเซียส ทำให้การตัดนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
- MAPP เป็นแก๊สที่มีส่วนผสมของ โพรดาดีน เมทิลอะเซทิลีน และไฮโดรคาร์บอน ประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีอุณหภูมิอยู่ที่ 2,976 องศาเซลเซียส มีระดับการปล่อยความร้อนที่ค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับกระบวนการตัดที่อยู่ใต้น้ำ
- อะเซทิลีน มีอุณหภูมิความร้อนสูงที่สุด ทำให้สามารถตัดวัสดุได้รวดเร็ว มีโอกาสที่วัสดุจะบิดเบี้ยวหรือบิ่นน้อยกว่าแก๊สอื่น ๆ
- โพรพิลีน เป็นแก๊สปิโตรเลียมเหลว มีอุณหภูมิปานกลาง แต่มีอัตราการกระจายความร้อนที่สูงมาก ๆ
- โพรเพน เป็นแก๊สที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับแก๊สอื่น ๆ
การป้องกันตัวเองเมื่อใช้งานเครื่องตัดแก๊ส
- การสูดดมควัน – สวมใส่ PPE เช่น หน้ากากกรองอากาศ หน้ากากออกซิเจน และสร้างสภาพแวดล้อมที่มีการระบายอากาศที่ดี
- การบาดเจ็บที่ดวงตา – ในกระบวนการตัดวัสดุนั้นมีความเสี่ยงที่วัสดุอาจจะกระเด็นเข้าตาของคุณได้ ดังนั้นควรสวมใส่แว่นตานิรภัยตลอดเวลาที่ทำงาน
- การบาดเจ็บทางร่างกาย – นอกจากเศษวัสดุกระเด็นแล้ว การทำงานกับเครื่องตัดแก๊สคุณอาจจะโดนโลหะหลอมเหลว ความร้อนสูง ประกายไฟ และทำให้คุณบาดเจ็บได้ ดังนั้นควรสวมใส่ PPE ระหว่างการทำงานทุกครั้ง เช่น ถุงมือหนัง ผ้ากันเปื้อน หมวก แจ็กเก็ตแขนยาวและกางเกงข้ายาว ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่มีส่วนผสมของใยผ้าสังเคราะห์เพราะอาจจะทำให้ติดไฟได้
การทำงานกับเครื่องมือ เครื่องจักร ทางไฟฟ้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องตัดแก๊ส เครื่องหินเจียร หรือ เครื่องเชื่อมไฟฟ้า ต่างๆ ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก และต้องเรียนรู้วิธีการทำงานที่ถูกต้องก่อนใช้งานจริง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวเองและเพื่อนร่วมงาน